มนุษย์เงินเดือนต้องรู้ รายได้เท่านี้ ต้องเสียภาษี หรือยัง ?
- เล้าเป้งง้วนConnect
- 2 เม.ย.
- ยาว 2 นาที
ภาษี เรื่องใกล้ตัวที่ต้องรู้!
เปิดต้นปีมา หลายคนต้องเผชิญกับเรื่องภาษี แต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่แน่ใจว่า รายได้ที่ได้รับต้องเสียภาษีหรือไม่ และต้องเสียเท่าไหร่? วันนี้เราจะมัดรวมทุกเรื่องที่มนุษย์เงินเดือนต้องรู้ รายได้เท่านี้ ต้องเสียภาษี หรือยัง ?
ภาษีคืออะไร?
ภาษีเป็นเงินที่ประชาชนและผู้ประกอบการต้องจ่ายให้ภาครัฐตามกฎหมาย เพื่อใช้พัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เช่น การสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ถนน และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ
ใครบ้างที่ต้องเสียภาษี?
ทุกคนที่มีรายได้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ ข้าราชการ พ่อค้า-แม่ค้า ฟรีแลนซ์ หรือผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ รายได้ทุกประเภทที่ได้รับต้องถูกนำมาคำนวณภาษี ไม่ว่าจะเป็น
เงินเดือน
ค่าจ้าง
รายได้จากการขายสินค้า/บริการ
ค่าตอบแทนจากวิชาชีพอิสระ
มนุษย์ฟรีแลนซ์ต้องเสียภาษีหรือไม่?
คำตอบคือ "ใช่" ฟรีแลนซ์ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นเดียวกับพนักงานประจำ โดยจะถูกจัดอยู่ในประเภท "เงินได้ประเภทที่ 2 และ 3" ตามกฎหมายภาษีเงินได้
ภาษีของฟรีแลนซ์คำนวณอย่างไร?
หักค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่าย
หากเป็นงานด้านบริการ สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
หากเป็นงานที่ต้องใช้ต้นทุน เช่น งานขายของออนไลน์ สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริงได้
หักค่าลดหย่อน เช่น
ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
ค่าประกันสังคมหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ค่าลดหย่อนบุตร พ่อแม่ หรือการลงทุนในกองทุน
เสียภาษีตามอัตราก้าวหน้า
รายได้สุทธิ 150,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้นภาษี
รายได้สุทธิที่เกินจากนั้นจะเสียภาษีตามอัตราขั้นบันได 5% - 35%
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (WHT)
ฟรีแลนซ์ที่รับค่าจ้างจากบริษัท มักจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% หรือ 5% ซึ่งสามารถนำไปเครดิตภาษีเมื่อต้องยื่นภาษีสิ้นปีได้
ภาษีมีกี่ประเภท?
ภาษีทางตรง – ผู้มีรายได้ต้องจ่ายเอง เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ภาษีทางอ้อม – เก็บจากผู้บริโภคผ่านราคาสินค้าหรือบริการ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์
เงินเดือนเท่าไหร่ต้องเสียภาษี?
หากมีรายได้สุทธิ เกิน 150,000 บาทต่อปี จะต้องเสียภาษี โดยทุกคนต้องยื่นภาษีหากมีรายได้ต่อปีเกิน 120,000 บาท

สูตรคำนวณเงินได้สุทธิ
เงินได้สุทธิ = รายได้ทั้งปี – ค่าใช้จ่าย (50% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท) – ค่าลดหย่อน
ตัวอย่างคำนวณภาษี
นางสาว A เงินเดือน 30,000 บาท
รายได้ทั้งปี = 30,000 x 12 = 360,000 บาท
หักค่าใช้จ่าย 100,000 บาท (ตามกฎหมาย)
หักค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
หักค่าประกันสังคม (750 x 12) = 9,000 บาท
เงินได้สุทธิของ นางสาว A
360,000 – (100,000 + 60,000 + 9,000) = 191,000 บาท
เงินได้สุทธิของนางสาว A อยู่ในช่วง 150,000 – 300,000 บาท ซึ่งต้องเสียภาษีในอัตรา 5% ของเงินที่เกิน 150,000 บาท
191,000 – 150,000 = 41,000 บาท
ภาษีที่ต้องจ่าย = 41,000 x 5% = 2,050 บาท
เงินเดือนเท่าไหร่ต้องเริ่มเสียภาษี?
(150,000 + 100,000 + 60,000 + 9,000) / 12 = **26,583 บาท/เดือน**
ดังนั้น หากมีเงินเดือนตั้งแต่ 26,583 บาทขึ้นไป ต้องเริ่มเสียภาษี
ลดหย่อนภาษีได้ยังไงบ้าง?
1. ลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
ลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
ลดหย่อนบุตร คนละ 30,000 บาท (ไม่จำกัดจำนวน)
ลดหย่อนพ่อแม่ คนละ 30,000 บาท (ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป)
2. ลดหย่อนจากการออมและลงทุน
ประกันชีวิต ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท
ประกันสุขภาพ 25,000 บาท
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และ กองทุนบำเหน็จบำนาญ (PVD)
3. ลดหย่อนจากมาตรการรัฐ
ช้อปดีมีคืน: ใช้ใบกำกับภาษีเพื่อลดหย่อนสูงสุด 40,000 บาท
ลดหย่อนจากการบริจาคเพื่อการศึกษา โรงพยาบาล หรือองค์กรการกุศล
✅ เงินเดือน 26,583 บาทขึ้นไป ต้องเริ่มเสียภาษี
✅ รายได้ต่อปีเกิน 120,000 บาท ต้องยื่นภาษี แม้จะยังไม่ต้องเสีย
✅ ฟรีแลนซ์ต้องเสียภาษี และควรหักภาษี ณ ที่จ่าย 3-5% ซึ่งเป็นภาษีที่บริษัทหรือผู้ว่าจ้างหักจากค่าจ้างก่อนจ่ายให้ฟรีแลนซ์ โดยสามารถนำไปใช้เป็นเครดิตภาษีเมื่อต้องยื่นภาษีสิ้นปี เพื่อลดจำนวนภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่มเติม
✅ ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีให้คุ้มค่า เพื่อลดภาระภาษีที่ต้องจ่าย
✅ วางแผนการเงินให้ดี เพื่อให้การเสียภาษีเป็นเรื่องง่ายขึ้น
📌 **เตรียมตัวให้พร้อม! มนุษย์เงินเดือนต้องรู้ รายได้เท่านี้ ต้องเสียภาษี หรือยัง ? เช็กสิทธิ์ ลดหย่อนภาษี และยื่นแบบออนไลน์ได้ที่ **กรมสรรพากร
Comments